ในปี พ.ศ.๒๔๗๑ หมวดทหารเสนารักษ์ เริ่มมีนางพยาบาลผดุงครรภ์ เข้ารับราชการในกรมอากาศยาน เป็นครั้งเเรก ในปี พ.ศ.๒๔๙๑ ยังไม่มีการจัดตั้งเป็นฝ่ายการพยาบาล การจัดการทั้งหมดจะดำเนินการผ่านธุรการของโรงพยาบาล การปฏิบัติในขณะนั้น พยาบาลทุกคนจะปฏิบัติงานเป็นเวร ๑๒ ชั่วโมง
ในปี พ.ศ.๒๔๙๒ กองทัพอากาศได้ผลิตนักเรียนจ่าอากาศพยาบาล ใช้เเทนพลทหารเสนารักษ์รุ่นที่ ๑ จำนวน ๒๔ คน ใช้ระยะเวลา เรียนทั้งหมด ๓ ปี ในขณะที่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช มีการพัฒนาสร้างอาคาร ผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น จึงมีการเปิดรับพยาบาลหญิง พร้อมกับมีพยาบาลชาย ที่กองทัพอากาศผลิตเองเพิ่มจำนวนขึ้น การปฏิบัติงานจากเดิมที่เป็นเวร ๑๒ ชั่วโมง เป็นเวร ๘ ชั่วโมง เช้า บ่าย ดึก ทุกหอผู้ป่วย
ในปี ๒๔๙๘ ได้ตั้งแผนกพยาบาลขึ้น พลอากาศตรี เจือ ปุญโสนี นายเเพทย์ใหญ่ ทหารอากาศ ขณะนั้น ได้พิจารณาขอจัดตั้ง โรงเรียนนางพยาบาลเพื่อผลิตพยาบาลใช้เอง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหา การขาดเเคลนพยาบาลทั้งในส่วนกลาง เเละส่วนภูมิภาค โดยมีใช้ระยะเวลาเรึยนทั้งหมด 3 ปี เเละรับราชการยศ เรืออากาศตรี หลังจากสำเร็จการศึกษา เเละเนื่องด้วย การบรรจุเข้ารับราชการเเละได้รับยศเรืออากาศตรีนั้นไช้งบประมาณค่อนข้างสูง อีกทั้งต้องแก้อัตรากองทัพอากาศ เเละเพิ่มตำแหน่ง นางพยาบาลที่สำเร็จการศึกษาเป็นข้าราชการสัญญาบัตรอีกหลายตำแหน่ง เรื่องการจัดตั้ง โรงเรียนนางพยาบาลทหารอากาศจึงเป็นอันต้องระงับไป
ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ นาวาอากาศเอกสดับ ธีระบุตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช และรักษาการแทน นายเเพทย์ใหญ่ทหารอากาศ ได้เข้าพบ พลอากาศเอก เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร เเละปรารภว่า "ทำไมกรมแพทย์ทหารอากาศ ไม่คิดจัดตั้งโรงเรียนเพื่อผลิตพยาบาลหญิงใช้เองบ้าง" นาวาอากาศเอกสดับ ธีระบุตร จึงรับนโยบายมาดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนพยาบาล เสนอที่ประชุมสภากองทัพอากาศ เเละได้รับอนุมัติ เมื่อวันที่ ๙ ต.ค.๒๕๐๐ ให้ชื่อว่า "โรงเรียนจ่าอากาศพยาบาลหญิง" สังกัดกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ เเละเปิดการศึกษาเมื่อวันที่ ๑๖ มิ.ย.๒๕๐๑ ใช้หลักสูตร"ประกาศนียบัตรพยาบาลผดุงครรภ์เเละอนามัย" ใช้ระยะเวลาในการศึกษา ๔ ปี เเละได้เเต่งตั้ง นาวาอากาศโทหญิง สอิงค์ ทีร์ฆะยศ ซึ่งเป็นพยาบาล ขึ้นดำรงตำแหน่ง หัวหน้าแผนกพยาบาลเป็นท่านเเรก
โรงเรียนพยาบาลทหารอากาศ ได้มีแผนปรับเปลี่ยนหลักสูตรเช่นเดียวกันกับกองทัพบก แผนกพยาบาล จึงได้ยกฐานะเป็น "กองการพยาบาล" และอัตรากำลังพลพยาบาลเปลี่ยนเป็นสัญญาบัตรทั้งหมด ตั้งเเต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ เเละในปี ๒๕๓๖ ได้รับการยกฐานะจาก "หัวหน้ากอง" เป็น "ผู้อำนวยการกอง" อัตรา นาวาอากาศเอกพิเศษ นอกจากนั้น กองการพยาบาล ยังได้รับความไว้วางใจจาก วิทยาลัยพยาบาลทั้งภาครัฐเเละเอกชน ในการส่งนักศึกษาพยาบาลมาฝึกปฏิบัติ เป็นจำนวนหลายสถาบัน