การอุดฟันในสมัยนั้น วัสดุอุดฟันที่ใช้ยังไม่มีการพัฒนามากอย่างในปัจจุบัน แม้แต่ขั้นตอนการรักษาบางอย่างก็ไม่ซับซ้อนอย่างในปัจจุบันเพราะส่วนมากจะเป็นเพียงการ อุด ถอน และใส่ฟันแบบถอดได้ยังไม่ค่อยมีการรักษารากฟัน หรือใส่ฟันแบบติดแน่น โรคเหงือกอักเสบ ก็เป็นเพียงการขูดหินปูนธรรมดายังไม่มีการผ่าตัดเหงือกหรือผ่าตัดอื่นๆมากนัก นอกจากการผ่าตัดฟันคุด หรือการผ่าตัดเปิดระบายหนองในช่องปาก
ต่อมาโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ได้เปลี่ยนแปลงอัตราของหน่วยต่างๆในโรงพยาบาล รวมทั้งแผนกทันตกรรม ได้ขยายเป็นกองทันตกรรม หัวหน้ากองยศนาวาอากาศเอกพิเศษเป็นผู้อำนวยการกองทันตกรรมท่านแรก คือ นาวาอากาศเอกพิเศษ ชเยศ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ทำงานของกองยังคงอยู่ที่อาคาร 1
เมื่ออาคารคุ้มเกล้าฯ สร้างเสร็จจึงได้ย้ายมาอยู่ชั้น 2 มีห้องทำงานอยู่ 12 ห้อง ห้องถ่ายภาพรังสีซึ่งสามารถถ่ายภาพรังสีฟันธรรมดาและถ่ายภาพรังสีกระดูกขากรรไกร และกะโหลกศีรษะ ห้องล้างฟิล์ม ห้องปฏิบัติการของช่างทันตกรรม (งานทำฟันปลอม) รวมทั้งหน่วยประชาสัมพันธ์ของกองทันตกรรมด้วย
ในปี 2536 โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ได้เปิดห้องตรวจโรคสำหรับข้าราชการกองทัพอากาศขึ้นที่ชั้นล่างอาคารสลากกินแบ่งรัฐบาล และมีห้องตรวจทางทันตกรรมด้วย จึงมีการเพิ่มเก้าอี้ทำฟันขึ้นมาอีก 2 เครื่อง เพื่อใช้ในการตรวจรักษาทางทันตกรรมให้แก่ข้าราชการกองทัพอากาศขึ้นที่อาคารดังกล่าว
กองทันตกรรมได้ให้การรักษาทางทันตกรรมทั่วไปและยังมีทันตกรรมเฉพาะทางสาขาต่างๆเนื่องจากเริ่มมีทันตแพทย์สังกัดกองทัพอากาศจบการศึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางในสาขาต่างๆกลับมาปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นทุกๆปี
ในปี 2555 อาคารคุ้มเกศฯ ได้สร้างสมบูรณ์ กองทันตกรรมจึงได้ย้ายมาปฏิบัติงานที่ชั้น3 าคารคุ้มเกศฯ ตั้งแต่ ก.ค.2555 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย ห้องรักษาทั้งสิน 21 ห้อง องถ่ายภาพรังสี ห้องล้างและทำความสะอาดเครื่องมือทางทันตกรรมที่ได้มาตราฐาน ร้อมซึ่งการให้การบริการการรักษาทางทันตกรรมอย่างครบวงจร